9 อาหารบำรุงร่างกายในยามที่รู้สึกเศร้าหมองหรือหดหู่

               

 

 

                    9 อาหารบำรุงร่างกายในยามที่รู้สึกเศร้าหมองหรือหดหู่

 

        ก่อนที่ความรู้สึกหม่นหมองจะครอบครองเราทั้งชีวิตและวิญญาณ ก็อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพร่างกายด้วยอาหารเพื่อสุขภาพกันสักนิด อย่างที่เห็นและรู้ซึ้งแก่ใจกันดีว่าชีวิตของชาวไทยทุกคนในตอนนี้เข้าสู่โหมดเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ถึงกระนั้นเราจะปล่อยให้ความรู้สึกหดหู่ หม่นหมองมานำหน้าชีวิตเราก็คงไม่ดีแน่ๆ วันนี้เราขอนำเสนอ 9 อาหารบำรุงร่างกาย ในยามที่เรารู้สึกหม่นหมอง เศร้า อ่อนแอ และหดหู่ ก็อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองด้วยอาหารเพื่อสุขภาพต่อไปนี้กันค่ะ

 

1. ดาร์กช็อกโกแลต

ดาร์กช็อกฏด

มีการศึกษาพบว่าดาร์กช็อกโกแลตช่วยเพิ่มความรู้สึกเคลิบเคลิ้มให้กับคนที่กินมันเข้าไปได้ และด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในดาร์กช็อกโกแลตก็จะช่วยกระตุ้นให้ผนังหลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวกมากขึ้น จึงทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่กินดาร์กช็อกโกแลต เข้าไป ซึ่งจากงานวิจัยก็แนะนำให้กินดาร์กช็อกโกแลต 1 บาร์เล็กๆ ติดต่อกันสัก 2 สัปดาห์ เท่านี้ก็จะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกายได้แล้วนะคะ

 

2.โกโก้

โกโก้

โกโก้ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้คนที่รับประทานเข้าไปมีความสุขอีกด้วย  โดย Elizabeth Somer นักโภชนบำบัดและผู้เขียนหนังสือ Eat Your Way to Happiness ได้อธิบาย  ไว้ว่า ในโกโก้มีสารประกอบมากกว่า 300 ชนิดที่ส่งผลกระทบในแง่บวกแก่สารเคมีที่อยู่ในสมอง อีกทั้งสารเคมีบางชนิดยังช่วยเพิ่มระดับเอ็นดอร์ฟินและเซโรโทนิน ในสมอง ซึ่งเป็นสารที่ทำให้อารมณ์ดี ดังนั้นหากคุณไม่ชอบทานช็อกโกแลตชนิดแท่ง ก็ลองเปลี่ยนมาจิบเครื่องดื่มโกโก้ร้อน ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้คะ

 

3.โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

โยเกิร์ต

การศึกษาจากเนเธอร์แลนด์พบว่า อาหารที่อุดมไปด้วย โพรไบโอติกส์อย่างโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวมีส่วนช่วยปรับอารมณ์ของคนได้ เนื่องจากโพรไบโอติกส์ในอาหารเหล่านี้  จะช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้อารมณ์ของเราคงที่ และมีอารมณ์ที่ดีขึ้น เพราะเจ้าแบคทีเรียในลำไส้เหล่านี้นี่แหละที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเรา

 

4.เห็ด

เห็ด.

เห็ดแทบทุกชนิดมีธาตุเซเลเนียมสูง ซึ่งนักวิจัยก็บอกว่าธาตุชนิดนี้เป็นธาตุอาหารที่ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่ง­­ความสุขได้ พร้อมกันนั้นก็ลดอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกกดดัน ความกลัว หรือความกังวล อีกทั้งในเห็ดยังเป็นแหล่งวิตามินดีจากธรรมชาติ ซึ่งผ่านการศึกษามาแล้วว่าช่วยกระตุ้นฮอร์โมนความสุข ไ­­ด้ง่ายๆ

 

5.ปลาแซลมอล หรือปลาทูน่า

ทูน่า

ในเนื้อปลาบางชนิดอย่างปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า มีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยสร้างเสริมสมองในส่วนที่ประมวลความรู้สึกมีความสุขและความพึงพอใจต่างๆ อีกด้วย

 

6.ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

เกรปฟรุต

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว หรือเกรปฟรุต เป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดับความรู้สึกอ่อนเพลียหรือโหมดอารมณ์เศร้าๆ ไปได้ อีกทั้งกลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยวยังช่วยกระตุ้นสมองให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ด้วยนะคะ

 

7.ถั่วเปลือกแข็ง

ถั่ว

ไม่ว่าจะเป็นถั่วพีแคน วอลนัท หรืออัลมอนด์ ต่างก็ช่วย    ลดอาการซึมเศร้าได้ทั้งนั้นเลย เพราะในถั่วเปลือกแข็งเหล่านี้มีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งมีความจำเป็นต่อสารเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ช่วยในการลดภาวะซึมเศร้าและทำให้อารมณ์ดีขึ้น นอกจากนี้ถั่วเปลือกแข็งยังมีแมกนีเซียม แร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อภาวะอารมณ์อีกด้วย 

 

8.ไข่ 

ไข่ไข่

ไข่มีกรดอะมิโนที่สำคัญอยู่มากมาย โดยเฉพาะทริปโตเฟน (Tryptophan) และไทโรซีน (Tyrosine) ซึ่งกรด อะมิโนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ทริปโตเฟน ยังเป็นสารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปช่วยสร้าง สารเซโรโทนิน ช่วยทำให้อารมณ์ดี และยังเปลี่ยนเป็น สารเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับอีกด้วย

 

9.กล้วย

กล้วย1

เมื่อเรารู้สึกเครียดหรืออยู่ในโหมดซึมเศร้าขึ้นมา ความดันเลือดจะพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ ซึ่งกระบวนการก่อความรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลตรงนี้ โพแทสเซียมที่มีอยู่ในกล้วยจะช่วยบรรเทาให้ความดันเลือดกลับเข้าสู่ภาวะสงบได้ ในทางโภชนาการจึงนับว่ากล้วยเป็นยาระงับประสาทแบบธรรมชาติอีกทางหนึ่งนั่นเอง

 

เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีใครอยากโศกเศร้าเสียใจ แต่ในเมื่อความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับเราแล้ว หน้าที่ของเรา คือ ต้องประคับประคองตัวเองทั้งทางด้านจิตใจ และร่างกาย เพื่อผลักดันให้เราดำเนินชีวิตได้ต่อไปด้วยร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง และอีกอย่างที่อยากฝากเอาไว้ก็คือ ใจเราอ่อนแอแล้วก็อย่าปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอตามนะคะ ซึ่งเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ชาวไทยทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วย

 

 

                                                                                ที่มา : http://health.kapook.com

                                                                                ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต